Dusit Thani Maldives ( ดุสิตธานี มัลดีฟส์ )

     ทะเลมัลดีฟท์เป็นทะเลในฝันของเพื่อนๆ ใช่ป่ะ ผมว่าเกินครึ่งประเทศอ่ะที่อยากไปที่นี่ แต่คงไม่ใช่แค่คนไทยนะสำหรับที่มัลดีฟท์เนี้ย เป็นทะเลในฝันของคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ คือไปมัลดีฟท์แล้วพักโรงแรมไหนก็ได้ขอแค่ให้ได้ไป หรือไปทั้งทีก็ขอให้พักโรงแรมดีๆ ไปเลยสักครั้งในชีวิตเนอะ 

     ผมก็คนนึงแหละที่ฝันว่าอยากไปที่นี่เหมือนเพื่อนๆ และคิดว่าชีวิตนี้คงเป็นไปไม่ได้ มันช่างเป็นโรงแรมที่เกินเอื้อมซะเหลือเกิน แต่วันนี้ผมได้ไปถึงความฝันของผมแล้วครับ ผมได้ไปพักผ่อนที่นี่ทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ครั้งนี้ผมไม่ได้ไปเปล่าๆ ผมไปเพื่อไปเอาข้อมูลและสิ่งที่ผมได้ไปมาแบ่งปั่นเพื่อนๆ ที่ลังเลหรือคนที่กำลังคิดแผนว่าอยากไปกำลังตัดสินใจ 

     ครั้งนี้ผมได้ไปพักโรงแรม ดุสิตธานี มัลดีฟท์ ที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะเป็นแบรนด์ของคนไทยที่ชื่อเสียงไปดังถึงเมืองนอกเมืองนา มีไปเปิดถึงโน่นที่มัลดีฟท์กันเลยทีเดียว

แบรนด์ของไทยแล้วมันดียังไงอ่ะ ???

   เอาง่ายๆ อย่างเช่นภาษาบอกเลยว่าที่นี่มีน้องๆ พนักงานคนไทยกว่า 40 คนที่จะคอยช่วยเหลือเพื่อนๆ และอีกข้อที่เห็นกันชัดๆ เลยนะเรื่องอาหารท้องถิ่น บางคนจะมีปัญหามากเรื่องอาหารยิ่งถ้าไปหลายคืนนะอาการออกเลย แต่ขอบอกเลยที่นี่รสชาติอาหารไทยจ๋าๆ เลยจ้า อาจจะมีอาหารท้องถิ่มแซมๆมาบ้าง แต่เชื่อเถอะ รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน

     เรามารู้จักประเทศมัลดีฟท์กันก่อนก่อนเนอะ ป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะประการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา

ทริปนี้ผมบินกับสายการบิน Bangkok Airways  เป็นสายการบินที่บินไปมัลดีฟท์มาแต่ไหนแต่ไรละ เรียกได้ว่าบินมาก่อนใครๆ เป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลย จริงๆช่วงนี้มีสายการบินโลว์คอสมาเปิดตลาดเส้นทางบินไปมัลดีฟส์เยอะขึ้นนะ ราคาก็ถูกลง แต่บวกนี่บวกนั่นไปก็ราคาต่างกันไม่เยอะเท่าไหร่ ยิ่งช่วงบางกอกแอร์เวย์สมีโปรราคาออกมาเรียกได้ว่าสูสีพอสมควร 

แล้วเลือกบินบางกอกแอร์เวย์สได้อะไรบ้าง ??? 

• ได้ นน.กระเป๋าไปเลยแบบไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม 20 กก.
• เข้าเล้าจน์ของบางกอกแอร์เวย์สให้กินแบบเต็มอิ่มเรียกได้ว่าประหยัดข้าวประหยัดน้ำไป 1 – 2 มื้อเลยแหละ แถมไม่ต้องไปนั่งแง่วรอเครื่องที่เกท เอาเวลามานั่งสบายๆ ในนี้หาของกินดีกว่า มีทั้งไปและกลับนะ มีทั้งในและต่างประเทศ แต่อยู่ที่ว่าสนามบินขากลับจะมีเล้าจน์รับรองรึเปล่านั่นแหละ
• มี wifi ในเล้าจน์ให้
• เลือกที่นั่งได้ฟรี
• มีอาหารเสิร์ฟบนเครื่องบินด้วย

เล้าจน์ก็แบ่งเป็น 2 แบบ วันที่ผมไปได้ใช้เล้าจน์แบบ Blue Ribbon Club ก็คือชั้นธุระกิจนั่นหล่ะ ฝั่งนี้อาหารและเครื่องดื่มจะจัดเต็มกว่าฝั่งอีโคโนมี่แน่นอน เพราะราคาตั๋วจะต่างกัน

มีห้องเก้าอี้นวดแบบส่วนตัวให้ใช้บริการ

ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ก็มีให้ใช้ข้างในเลย

คอมและอินเตอร์เนตพร้อม

อาหารมีทั้งเมนูมาให้เราเลือก กับให้เราไปตักไปคีบเองก็มี เครื่องดื่มหลากหลายรวมแม้กระทั่งเครื่องดื่มตระกูล L เกือบทั้งหมด  

แล้วฝั่งอีโคโนมี่เป็นไง ? บอกเลยไม่ต้องน้อยใจ ถึงจะสู้ทางชั้นธุระกิจไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนะ มีของให้ทานเยอะและหลากหลายเช่นกัน เชื่อว่าทุกคนต้องอิ่มอ่ะ

บนเครื่องก็จะมีของทานเล่นมาให้ก่อน

อาหารบนเครื่องพร้อมเสิร์ฟ ตอนที่ไปมีให้เลือก 2 เมนูครับ  

เครื่องยังไม่ทันลงจอด วินาทีแรกที่เห็นพร้อมกับอุทานว่า ” เห้ย !!! ทะเลมันทำไมสวยอย่างนี้วะ ” ไม่มีใครบนเครื่องที่ไม่ชะโงกไปมองหน้าต่างประจำที่นั่งของตัวเอง ส่วนคนที่ไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง ก็พยายามหาช่องทางที่จะมอง อ่อนแอก็แพ้ไป 5555

ใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบินมาเล่ ประเทศมัลดีฟส์ กันละฮะ อากาศสดใสมาก เหมาะกับการมาท่องเที่ยวทางทะเลยิ่งนัก

ใครที่มาครั้งแรกไม่ต้องกลัวหลงครับ จะมีเค้าเตอร์ของโรงแรมดุสิต มัลดีฟส์อยู่ทางออกเกทเลย ออกมาก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย

การเดินทางไปดุสิต มัลดีฟส์มีอยู่ 2 แบบ ก็คือ

• ซีเพลน หรือเครื่องบินน้ำนี่แหละที่จะไปส่งเราถึงท่าเรือของโรงแรมเลย แต่การเดินทางแบบนี้จะแพงหน่อย จริงๆ ก็ไม่หน่อยนะ 555 ไป – กลับ ประมาณ 400 us
• นั่งเครื่องต่อภายในประเทศไปลงเกาะใกล้ๆ แล้วมีเรือสปีดโบ๊ทของโรงแรมมารับ แบบนี้จะถูกหน่อยประมาณ 200 us แต่ก็อาจจะเหนื่อยและเสียเวลากว่าซีเพลน

แต่ทริปนี้ผมได้นั่งซีเพลน อิอิ เค้าเตอร์ซีเพลนก็อยู่ในสนามบินนั่นแหละฮะ ไม่ไกลจากเค้าเตอร์ของดุสิตธานี พนักงานเค้าก็จะพาเรามาที่นี่เลย เพื่อนั่งรถไปขึ้นซีเพลนอีกทีนึง

ตรงที่รถมาส่งจะยังไม่ใช่ที่ขึ้นซีเพลนนะ แต่จะเป็นเล้าจน์ห้องรับรองของเครือโรงแรมต่างๆอยู่ที่นี่ ของโรงแรมดุสิตก็เช่นกัน มีห้องรับรอง ห้องน้ำ อาหารเล็กๆ น้อยๆ เครื่องดื่มไว้บริการแบบไม่อั้นอีกแล้ว

ถ้ากลัวน้องๆ หนูๆ จะเบื่อ ที่นี่ก็พร้อมแก้สถานะการณ์ให้ท่าน

พอถึงเวลาก็จะมีรถมารับเราไปขึ้นซีเพลนละเนอะ จริงๆ แค่เจอน้ำทะเลที่สนามบินก็ไม่ต้องไปไหนละนะผมว่า 555 สวยสะกดมาก 

เครื่องบินค่อนข้างเล็ก นั่งได้ประมาณ 10 กว่าคน เป็นที่นั่งเล็กๆ ครับ เสียงเครื่องจะดังหน่อยๆ เค้าจะมีแจกที่อุดหูไว้ให้ แต่ใครที่นั่งท้ายๆ เครื่องต้องทนกลิ่นน้ำมันนิดนึง

วิวบนซีเพลนผมว่าที่สุดของที่สุดแล้วครับสำหรับทริปนี้ เพราะระหว่างทางที่บินไปนี่จะผ่านเกาะนับสิบนับร้อย คือยังคิดว่านี่เราอยู่บนโลกหรอ ไม่เคยเห็นมุมสวยๆ แบบนี้มาก่อน 

บินมาได้สักประมาณ 40 นาที เครื่องก็ลงจอดบนท่าเรือของ “ Dusit Thani Maldives ( ดุสิตธานี มัลดีฟส์ ) “  เป็นโรงแรม 5 ดาวแบรนด์ของไทย และแน่นอนการต้อนรับและบริการเป็นที่กล่าวขาน เพราะโรงแรมของเมืองไทยขึ้นชื่อเรื่องการบริการอยู่แล้ว ที่นี่คือเอาจุดเด่นตรงนี้มาด้วย ทั้งพนักงานทั้งไทยและต่างชาติ

เวลคั้มดริ้งค์ชื่นใจๆ สักแก้ว

มาถึงดุสิตธานีแล้ว เรามาดูแผนผังเกาะของโรงแรมกันคร่าวๆ ครับ บอกเลยจำเป็นมากที่ต้องดูนะ 

มีรถบักกี้มารอต้อนรับไปเช็คอิน

วิวระหว่างทางไปเช็คอิน ก็กรี๊ดแล้ว อยากเดินถ่ายรูปละสิ 5555

Lobby ของโรงแรม เป็นแบบโอเพ่นแอร์ครับ ค่อนข้างร้อนเลยแหละ แต่สวยอยู่นะ ให้อภัย

เช็คอินเสร็จเราเข้าห้องพักของเรากันเถอะ คือห้อง Beach Resident แบบ 2 ชั้น  2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น 1 สระว่ายน้ำ  เรียกว่าบ้านพักเถอะ คงไม่ใช่ห้องพักแล้ว เป็นบ้านพักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโรงแรม 

ใจจริงอยากจะถ่ายห้องที่เป็นวิลล่ากลางน้ำ ที่ฮิตๆ กันมาให้ชมแต่บอกเลยว่า บอกทางโรงแรมแล้วบอกอีก ก็ไม่มีห้องพักให้ถ่ายเลย คือเต็มทุกหลังจริงๆ ราคาก็ไม่ใช่เล่นๆ นะ อดถ่ายเลย

ห้องนอนชั้น 2

ห้องนอนชั้นล่าง จะเห็นสระว่ายน้ำอยู่ด้านหน้าเลย ถัดไปก็เป็นหาด

อมินิตี้ที่ให้ใช้ระหว่างเข้าพัก บอกเลย สมราคา สมฐานะ 

ห้องนั่งเล่น

หาดด้านหน้าที่พักก็จะเห็นทะเลหน่อยๆ

แต่ละห้องที่เข้าพักจะมีจักรบานประจำไว้ให้บริการตามจำนวนคนครับ เอาไว้ใช้ปั่นเที่ยวไปรอบเกาะ บอกเลยมันจำเป็นจริงๆ นะ แต่ละคันก็มีเลขที่ของห้องพักของแต่ละคน บางวันจักรยานหายเฉยๆ เพราะวันรุ่งขึ้นกลับมาอยู่หน้าบ้านเหมือนเดิม 5555

Beach Villa With Pool 

ห้องขนาด 122 ตร.ม 1 ห้องนอน อยู่ติดหาดเหมือนกันนะ สระส่วนตัวก็มี แต่อยู่ด้านใน

เที่ยงๆ ขอเอาโดรนขึ้นถ่ายภาพซะหน่อย จริงๆ ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเลยนะ กับการถ่ายภาพทั้งบนบกและกลางอากาศโดยใช้โดรน เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่า โรงแรมที่นี่ 5 ดาวค่อนข้างจะราคาสูง เพราะฉะนั้นแขกที่มาพักเค้าเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล ข้ามทวีปมาพัก เค้าต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างมาก โดยเฉพาะโดรนนี่เป็นสิ่งต้องห้ามเลยก็ว่าได้ แต่ทุกครั้งที่บินเราขออนุญาติแล้วครับ 

พอใช้โดรนบินเพื่อนๆจะเห็นรูปร่างแปลกๆ แบบนี้ใช่มั้ยฮะ ที่นี่เป็นโรงแรมดุสิตธานีทั้งหมดครับ โรงแรมนี้ตั้งอยู่บนเกาะ มุดดูห์ (Mudhdhoo) ในหมู่เกาะบาร์ (Baa Atoll)    ซึ่งเป็นหมู่เกาะแรกที่ได้รับการคุ้มครองพื้นที่ระบบนิเวศบนบก หรือชายฝั่งทะเลโดย องค์การยูเนสโก UNESCO.  ห่างจากเมืองหลวง มาเล่ 135 กิโลเมตร

สระว่ายน้ำส่วนกลางของโรงแรม ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย เป็นสระที่โชว์วิวทะเลกว้างๆของที่นี่ได้ดีที่สุด และตรงสระนี้จะประกอบไปด้วยห้องอาหาร 2 ห้องอาหาร คือ Sand Bar และ Sea Grill

แนะนำให้ลองปลาทูน่าครับ เพราะที่มัลดีฟส์เค้าขึ้นชื่อเรื่องปลาทูน่า

ห้องอาหารนี้จะมีอยู่ 2 ชั้น ชั้นบนจะเป็น ศาลา บาร์ ชั้นล่างจะชื่อร้านอาหาร เบญจรงค์

 

ศาลา บาร์ จะเน้นเป็นเครื่องดื่มกับของทานเล่นแบบนั่งชิวๆ ซะมากกว่า 

เบญจรงค์  จะจัดหนักจัดเต็มเกี่ยวกับอาหารไทย บอกเลยว่าที่นี่ดังและขึ้นชื่อเพราะเชฟ พ่อครัว เป็นคนไทยทั้งหมด วัตถุดิบส่วนมากก็นำเข้ามาจากประเทศไทย เพราะฉะนั้นรสชาติไม่ทำให้เราอยากรีบกลับบ้านไปกินอาหารไทยแน่นอน คิดดูว่าห้องอาหารนี้รสชาติเป็นยังไง เอาเป็นว่า แขกที่พักอยู่โรงแรมอื่นยอมลงทุนเช่าเรือสปีทโบ๊ท ไป-กลับ เพื่อมาทานอาหารของห้องอาหารนี้ละกัน

Market เป็นห้องอาหารที่เรียกได้ว่าเน้นบุฟเฟ่ต์เป็นหลัก มีทั้งอาหารเช้าและดินเนอร์ตอนเย็น

บุฟเฟ่ต์ดินเนอร์  เปิด 18.30 -22.00 น. แต่ละวันจะเป็นธีมไม่เหมือนกัน ราคาก็ประมาณ 50-60  US ต่อคน ไม่รวมเครื่องดื่มนะ บุฟเฟ่ต์ดินเนอร์ทั้งหมดเค้าไม่รวมเครื่องดื่ม แม้กระทั่งน้ำเปล่า ต้องจ่ายต่างหาก

อาหารเช้า จะเริ่มตั้งแต่เวลา 7.00-10.30 น. บอกตรงๆ ว่าไลน์อาหารเช้าของที่นี่ทำผมตกใจ คือดีมากถึงมากที่สุด ไม่คิดว่าไปต่างแดนจะเจออาหารเช้าแบบจัดเต็มเหมือนโรงแรมดีๆ ในเมืองไทยก็ไม่ปาน แถมยังรสชาติเอาใจคนไทยอีกด้วยนะ

Lagoon Lunch  เป็นการทานอาหารมื้อเที่ยงสุดพิเศษแบบใกล้ชิดติดหาทะเลมัลดีฟส์เลย

สดไม่รู้จะสดยังไงละ เห็นแค่นี้แต่อิ่มมากมาย ตอนแรกยังคิดว่าเราจะอิ่มมั้ย 5555

Dive Center เราสามารถยืม หน้ากาก ชูชีพ ได้ฟรี เราจะเก็บไว้ใช้จนวันกลับค่อยมาคืนก็ได้ ส่วนกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ที่เสียค่าใช้จ่ายเราก็สามารถมาติดต่อที่นี่

Kids Club ไม่ค่อยมีเด็กมาเล่นเลย ส่วนมากเห็นแต่ปั่นจักรยานกันสนุกสนานรอบเกาะ อาจจะเพราะมันออกจะดูธรรมดามั้ง

Devarana spa เดินทางมาเหนื่อยๆ ได้ทำสปาก็ดีเหมือนกันนะ แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะนวดดีมั้ย พนักงานที่นี้เป็นคนไทยที่คัดสรรมาแล้วอย่างดี ฝีมือไม่ต้องห่วง แต่ราคาก็แพงมากมายอยู่นะ แต่ต่างชาติเค้าคงมองเฉยๆ

Fitness เปิด 24 ช.ม. แต่เงียบเหงามากเบย

สรุป

แบบสั้นๆ ง่ายๆ และได้ใจความ

ต้องไปมั้ยที่นี่ ? บอกเลยมีตังค์ ไปแล้วกลับมาไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อน ไปเถอะครับ สักครั้งในชีวิตกับทะเลที่เป็นความฝันของคนทั่วโลก

อาหารน้ำบนเกาะแพงมั้ย ? แพงครับ ทำใจเถอะ โรงแรมที่พักระดับนี้

แนะนำ

ถ้าจะไปมัลดีฟส์แบบงบไม่บานปลาย ไปแล้วสบายใจแนะนำเลยว่าซื้อเป็นแบบฟูลบอร์ดเถอะ คือรวมทุกอย่างแล้ว ทั้งเครื่องบิน ห้องดัก อาหารทุกมื้อทั้งวันของที่นั่น คุ้มกว่ามานั่งจ่ายเป็นมื้อๆ แถมจะแพงกว่าซื้อแบบเหมารวมด้วยซ้ำ อยากจะกินอะไร ยังไง เมื่อไหร่ก็กินได้ รวมทั้งเครื่องดื่ม ไม่ต้องมานั่งระแวง เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกเอา

อย่างเช่น Bangkok Airways เค้าก็มีจัดโปรแบบนี้นะ ในชื่อแพ็คเกจ “บินดี อยู่ดี” รวมทุกอย่างแล้วแม้กระทั่งเครื่องบินจากเมืองไทย คือเราเอาตัวกับกระเป๋าไปอย่างเดียว ผมว่าน่าจะโอและประหยัดกว่าเยอะ

Comments

comments