วันนี้เพื่อนๆ อาจจะ งง กันนิดหน่อยนะเพราะผมไม่ได้จะมารีวิวแบบจ๋าๆ ครับ แต่จะมาเล่าประสบการณ์การเข้าพักที่ X2 Kui Buri Resort ( ครอส ทู กุยบุรี ) หรือจะเรียกว่าการแบทเทิ้ลก็ได้นะ เพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้วผมเคยไปพักที่นี่ครับ บอกเลยว่าสมัยนั้นเรียกว่าไงดี เรียกว่าเริ่มจะโทรมแหละแต่ผมก็ยังอยากไปที่นี่อีกอยู่ดีในระยะเวลาที่ผ่านมาก็คิดอยากจะกลับไปอีกไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเพราะโดยส่วนตัวผมชอบที่นี่เป็นพิเศษหล่ะมั้ง

และมาคราวนี้ผมมีโอกาสกลับไปเยือนที่นี่อีกครั้งครับ ฉะนั้นการที่ผมเรียกว่าแบทเทิ้ลมันก็คือการแบทเทิ้ลระหว่างที่นี่เมื่อ 4 ปีก่อน กับที่นี่ ณ ตอนปัจจุบันที่ผมได้ไปสัมผัสมา 

ส่วนใครเบื่อผมพร่ำพรรณนา ว่าไอ้นี่บ้าน้ำลายจริงๆ 555 ก็สามารถรับชมวีดีโอแนะนำโรงแรมนี้ทั้งหมดได้ ในคลิปนี้เลยฮะ

 

สิ่งแรกที่แขกจะมาเข้าพักที่นี่ได้เจอคือ ล็อบบี้ ครับ ตรงล็อบบี้นี้ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แทบจะเหมือนเดิม 100% แต่พนักงานหายากมากขึ้น แต่ได้ถามน้องพนักงานแล้วเค้าบอกว่า มันคือนโยบายของรีสอร์ทครับ ตลอดทั้งวันจะพยายามไม่ให้แขกที่มาพักได้เห็นตัวพนักงาน อยากให้แขกรู้สึกว่าได้มาพักผ่อนจริงๆ แบบส่วนตัวสุดๆ โดยให้เห็นคนน้อยที่สุด อันนี้ผมก็เพิ่งรู้นะ

ส่วนตัวล็อบบี้ไม่มีแอร์นะครับ เป็นที่ไว้เช็คอินอย่างเดียวเลย

 

ในส่วนของจักรยานตรงนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ผมมาพักไม่เห็นนะ หรือว่าเค้าอาจะเพิ่งเอาเข้ามาเพิ่มก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าสามารถเอาไปยืมใช้ได้ฟรีครับ จะปั่นไปไหนก็ได้ทั้งในและนอกโรงแรม

เวลคั้มดริ้งค์เมื่อก่อนเป็นน้ำมะนาวตะไคร้ครับ แต่ล่าสุดที่ไปเป็นน้ำมะตูม แต่ตรงนี้ก็คงวัดกันไม่ได้เนอะ เค้าอาจจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อยู่ที่ว่าใครไปช่วงไหนเจอเวลคั้มดริ้งค์แบบอะไร

ถามว่าห้องที่นี่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมั้ย ตอบเลยว่าเหมือนเดิมแทบทุกประการฮะ ภายในก็เหมือนเดิมที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม แต่สิ่งที่แปลกคือถึงรีสอร์ทจะเปิดมานานแล้ว แต่ห้องยังดูทันยุคทันสมัยไม่โบราณ ไม่เอ้าท์เลย อันนี้ต้องขอยกนิ้วให้กับคนออกแบบตัวโรงแรมเนอะ

สิ่งที่เมื่อ 4 ปีก่อนที่เห็นว่าโทรมชัดที่สุดคือ ” ห้องพัก ” ครับ ไม่ใช่ภายในนะ แต่ไม้ไผ่ตรงสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้องที่กั้นระหว่างห้องเรากับห้องข้างๆ เมื่อ 4 ปีก่อนนั้นชำรุดเยอะมาก หักบ้าง เป็นรูบ้าง จนมองเห็นห้องข้างๆ ได้เลย แต่มาคราวนี้ดีขึ้นมากฮะ ไม้ไผ่ใหม่และอัดแน่นเต็มพื้นที่หมด เรียกได้ว่าทิ้งความชำรุดเมื่อ 4 ปีก่อนไปหมดเลย

แต่หมอนของที่นี่ยังเหมือนเดิมคือ ค่อนข้างจะแบนนิดนึง ผมเป็นคนชอบนอนหมอนสูง ซ้อน 2 ใบยังไม่พอเลยนะสำหรับผม ถ้าใครไม่พอสามารถขอหมอนเพิ่มได้อีกนะ ส่วนเตียงนอนใหญ่และกว้างมากครับ เป็นเตียงคิงไซส์นอน 3 คนสบายๆ เลย เตียงนอนยังคงนอนสบายเหมือนเดิม

ขออธิบายห้องพักของที่นี่กันให้เข้าใจอีกนิดเนอะ คือห้องของที่นี่แทบจะเหมือนกันหมดครับ แต่อาจจะมีแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ อย่างภาพล่างที่ผมพักจะเป็นห้อง การ์เด้น พูลวิลล่า ที่มีเยอะสุดในรีสอร์ท ส่วนห้องที่เป็นห้องเริ่มต้นของที่นี่คือห้อง การ์เด้น ลิลล่า ก็จะไม่มีสระพูลนะ 

ห้องน้ำเหมือนเดิมทุกอย่างครับ มีเรนชาวเวอร์ 2 ฝั่ง มีสายชำระให้ด้วย

อเมนิตี้เมื่อ 5 ปีที่แล้วจำไม่ได้ว่าเป็นแบบไหน แต่ ณ ปัจจุบันที่ใช้หอมมากครับ ชอบเลย

เวลคั้มฟรุ๊ตครั้งนี้คือ ” สับปะรด ” ตอนแรกส่วนตัวไม่ได้คาดหวังกับเวลคั้มฟรุ๊ตของทุกโรงแรมอยู่แล้วฮะ คือคิดว่าเป็นผลไม้แบบทั่วๆ ไป แต่สับปะรดของที่นี่บอกเลยว่า กัดเข้าไปคำแรกร้องอื้อหืออออ คือมันหวาน ฉ่ำ อร่อยมากกก อยากจะขอเพิ่มได้มั้ยในหัวนี่คิดแบบนี้เลยนะ ส่วนพริกเกลือที่ให้มาผมไม่จิ้มเลยครับคิดว่าไม่จำเป็น

พูลแอคเซส มีห้องเดียวในรีสอร์ท จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอร์ทเลยครับ ห้องนี้ข้อเสียคือไม่ส่วนตัวเอาซะเลยแฮะ

โอเชี่ยน ฟร้อนท์ ก็คือห้องเหมือนกับห้องการ์เด้น พูลวิลล่า แทบทุกอย่าง แต่ต่างกันที่ห้องนี้ติดทะเล ได้วิวทะเล และพระอาทิตย์ขึ้นฮะ และห้องน้ำจะมีอ่างไว้แช่เพิ่มเข้ามา 

ลักชัวรี่ สวีท เป็นห้องที่ดีที่สุดของที่นี่ และแพงสุด มีแค่ 2 หลังเท่านั้นครับ มี 2 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกและมีห้องครัวในตัว ถือว่าเป็นห้องแบบเดียวของที่นี่ที่ทำอาหารเองได้ 

สระว่ายน้ำส่วนกลาง สิ่งแรกที่เห็นคือ องค์ประกอบรวมเหมือนเดิมทุกอย่างไม่เปลี่ยนครับ ก็ยังคงสวยและผมชอบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เห็นชัดๆ เลยของสระว่ายน้ำส่วนกลาง คือ สะอาดขึ้นครับ พื้นทางเดินดีขึ้นไม่มีชำรุดเลย เตียงผ้าใบก็ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนฮะ

และที่เพิ่มเข้ามาในสระส่วนกลางนี่แหละ ที่ผมชอบมากจริงๆ ก็คือ มีไอติม ผลไม้ และน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ฟรีครับ เรียกว่าทานได้ไม่อั้นเลย ตรงนี้บอกเลยว่าได้ใจผมมากๆ แต่จะจำกัดช่วงเวลานะ ตั้งแต่ 11.00-17.00 น.

ห้องอาหาร 4 K เป็นห้องอาหารเดียวของที่นี่ ที่อยู่ติดกับทะเลเลย เพราะฉะนั้นวิวทะเลก็จะเห็นกันเต็มๆ ฮะ โดยภาพรวมห้องอาหารนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ ยังคงเน้นลมจากริมทะเลธรรมชาติเหมือนเช่นเคย

แต่ที่เปลี่ยนแปลงที่สุดของห้องอาหารนี้คือ ” อาหาร “ ครับ คือถ้าเทียบกับเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่เคยได้มาลองทาน บอกเลยว่าอาหารที่นี่เค้าพัฒนามากกว่าดิมเยอะ รสชาติอาหารอร่อยมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดครับ โดยเฉพาะอาหารไทยถ้ามาอย่าพลาดด้วยประการทั้งปวงฮะ อร่อยจริง อร่อยจัง ผมกล้าพูดคำนี้เลย ราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วย 

อาหารเช้าของที่นี่สิ่งที่เหมือนเมื่อก่อนคือ มีสปาร์คกลิ้งไวน์ให้ดื่มตั้งแต่เช้าแบบไม่อั้นเลยฮะ อยู่ในไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแหละ จะเทดื่มแค่ไหนไม่ว่ากัน

พอเรามานั่งจะมีเซ็ตนี้มาเสิร์ฟครับ เมื่อก่อนไม่มีนะ แต่นี่จัดมาเหมือนเราสั่ง afternoon tea เลยแฮะ 1 ท่านต่อ 1 เซ็ต

สำหรับอาหารเช้า คือต้องยอมรับว่าอาหารเช้าดีขึ้นกว่าเดิมมากกกกกกก คือไลน์อาหารเช้าไม่ได้เยอะ แต่คุณภาพมากขึ้นครับ 

มีมะพร้าวให้เราทานไม่อั้นด้วยครับ ที่สำคัญให้เราเฉาะเองด้วย ปกติเป็นคนเฉาะมะพร้าวทานประจำอยู่แล้วเลยไม่ใช่ปัญหาฮะ

ทุกอย่างไม่อั้นครับ ทานได้เท่าไหร่ทานไป

มีน้ำส้มให้เราหั่นแล้วคั้นเองด้วยนะ ไม่ต้องกลัวว่าไม่ใช่น้ำส้มแท้นี่เราคั้นเองเลย

อาหารเช้าที่เป็นอะลาคาร์ทของที่นี่หน้าตาและรสชาติดีขึ้นกว่าแต่ก่อนครับ

แถมนิดนึงบางท่านอาจจะยังไม่รู้หรือบางท่านอาจจะรู้แล้วว่า รีสอร์ทแห่งนี้รับ ” น้องหมา “ เข้าพักด้วยนะครับ ไม่จำกัดขนาดและน้ำหนักด้วย แต่จะมีค่าใช้จ่ายตามสัดส่วนขนาดและน้ำหนักของน้องหมาของเราฮะ

เนื่องจากตัวรีสอร์ทเป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบไว้พักผ่อนอ่ะเนอะ ทางรีสอร์ทเค้าก็กลัวเราจะเหงาก็เลยมีโซนแอคทิวิตี้ให้เราใช้บริการฮะ ฟรี อย่างเช่นเปตอง กับโยนห่วง

ขอสรุป เลยละกันเนอะกับรีสอร์ทแห่งนี้ X2 Kui Buri Resort ( ครอส ทู กุยบุรี ) เป็นรีสอร์ทที่ผมชอบรีสอร์ทนึงเลยฮะ ขนาดเมื่อก่อนที่ชำรุดทรุดโทรมผมยังชอบเลยเพราะผมรู้สึกว่าดีไซน์ของตัวรีสอร์ทนี้ออกแบบและตกแต่งออกมาได้แบบเรียบและหรู คิดดูว่าที่นี้เปิดมานานแค่ไหนแล้วยังไม่ได้เปลี่ยนลุคใหม่หรือออกแบบใหม่ ทุกอย่างเหมือนเดิมก็ยังทันยุคทันสมัยไม่ตกเทรนด์จนถึงตอนนี้ 

ตัวรีสอร์ทสงบ เงียบ เหมาะกับการพักผ่อนสุดๆ ไอ้เจ้าความเงียบนี่แหละคุณจะได้ยินเสียงคลื่นและลมของทะเลได้ตลอดเวลาเพราะตัวรีสอร์ทติดทะเลเลยครับ

ยิ่งเรื่องอาหารกับอาหารเช้านี่ส่วนตัวขอบอกว่ามาถูกทางแล้วฮะ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเลย สระว่ายน้ำส่วนกลางน่าเล่นมากขึ้น มีผลไม้กับเครื่องดื่มแถมมีไอติมให้ทานฟรีด้วย

เดี๋ยวบางคนมาอ่านแล้วจะหาว่าผมอวยเนอะ ข้อเสียจุดบอด ของเค้าก็มีครับ หลักๆ เลยก็คือ ตัวรีสอร์ทเลยตัวเมืองหัวหินมาประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง ถ้าใครคิดว่าจะมาพักที่นี่แล้วไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่แล้วกลับมานอนอันนี้ไม่น่าจะเหมาะ แต่ถ้าตอนมาแวะเที่ยวเก็บทุกที่ก่อนหรือมีแวะเที่ยวตอนขากลับบางที่อันนี้แนะนำฮะ

อีกข้อละแวกใกล้รีสอร์ทร้านอาหารร้านสะดวกซื้อไม่มีครับ ใครจะมาพักที่นี่เตรียมเสบียงมาหน่อยก็คงจะดีเนอะ หรือไม่ก็ขับรถออกไปที่ถนนใหญ่มี 7-eleven อยู่ประมาณ 10 นาทีครับ

032 510 466

www.facebook.com/x2kuiburiresort

x2resorts.com/resorts/kui-buri

Comments

comments